ต่อจากความเดิมตอนที่แล้ว
คติความเชื่อ เทพเจ้า และประเพณีไทย ตอน กำเนิดของ “ลักษมี : คชลักษมี” คัมภีร์ปุราณะของศาสนาฮินดู พระลักษมีหมายถึงพระแม่แห่งจักรวาลและเป็นนางคู่บารมีของพระวิษณุ และถือกำเนิดจากการกวนเกษียรสมุทร เพื่อนำเอาน้ำอมฤตมาให้แก่บรรดาเทพต่าง ๆ นอกจากนั้น นางยังมีชื่อเรียกอีกเช่น กมลา ปัทมา
นอกจากนั้นนางยังวิวาห์กับอวตารของพระวิษณุคือ
พระนารายณ์ ในร่างของ
นางสีดา , ในอวตาร
พระกฤษณะ ในร่างของ
นางรุคมินี เป็นต้น
 |
ภาพพระลักษมี เกิดจากการกวนเกษียรสมุทร |
นางมีโอรสชื่อ
กามะ กับ
พระวิษณุ
นอกจากคัมภีร์ทางศาสนาที่กล่าวถึง
ศรี หรือ
ลักษมีแล้ว ใน
สมัยคุปตะ ก็ปรากฏแนวคิดของ
พระลักษมีในฐานะชายาของ
พระวิษณุแล้ว ใน
จารึกสมัยคุปตะ กล่าวว่า
ศรีลักษมีเป็นชายาของ
พระวิษณุ จารึก
The Junagarh ของ Skandagupta อ้างถึง
พระวิษณุผู้ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวที่
พระลักษมีจะอยู่ร่วมด้วย เทพีผู้ซึ่งอยู่ร่วมกับดอกบัว จารึกหิน
The Gwalior ของ
Mihirakula กล่าวว่า
พระวิษณุเป็นผู้เดียวที่สามารถนำ
เทพีศรีมาประดับไว้ที่ทรวงอกได้ คล้ายคลึงกับข้อความใน จารึกในช่วงปลายของ 5th century A.D. และช่วงต้นของ 6th century A.D.
กำเนิดของ
พระลักษมี พบใน
The Great Sri Sukta หรือ
Hymn to Sri และใน
Hindu Mythology ได้กล่าวถึงกำเนิดของพระลักษมีซึ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในครั้งโบราณกาล กล่าวถึงทุรวสะได้มอบพวงมาลัยดอกไม้ให้แด่
พระอินทร์ หัวหน้าเหล่าเทพ ซึ่งเป็นพวงมาลัยที่ไม่มีวันร่วงโรย อินทราได้มอบมาลัยดอกไม้นั้นให้แด่ช้างไอยราวัตะ ต่อมาทุรวสะเห็นช้างเหยียบพวงมาลัยดอกไม้ จึงได้สาปแช่งอินทราว่า อินทราและเหล่าทวยเทพจะสูญเสียพลัง เนื่องด้วยความหยิ่งและทิฐิของตน จากคำสาปแช่งนี้ พวกอสูรจึงสามารถกำจัดเหล่าเทพให้ออกจากสวรรค์ได้
เหล่าเทพที่พ่ายแพ้ได้หนีไปพึ่ง
พระพรหม พระพรหมจึงแนะให้เหล่าเทพ
กวนเกษียรสมุทร เพื่อจะให้ได้ซึ่ง
น้ำอมฤต เหล่าเทพจึงไปพบ
พระวิษณุเพื่อขอความช่วยเหลือ
พระวิษณุจึง
อวตารเป็นเต่าเพื่อรองรับเขา
มันดาละ เพื่อใช้ในการ
กวนเกษียรสมุทร ในขณะที่
ราชาแห่งงู วาสุกิ กลายร่างเป็นเชือก เหล่า
เทพและอสูร ต่างช่วยกันในการ
กวนเกษียรสมุทร
ท่ามกลาง
การกวนเกษียรสมุทร ได้บังเกิดบุคคลและสิ่งของสำคัญขึ้นมาดังนี้คือ
พระลักษมี และพระนางได้เลือ
กพระวิษณุผู้ซึ่งดีเลิศประเสริฐมาเป็นคู่บารมี ในฐานะที่
พระวิษณุมีพลังในการควบคุมมายาได้ ด้วยเหตุผลนี้ พระลักษมีจึงถูกขนานนามว่า
ธิดาแห่งท้องทะเล หลังจากนั้นจึงบังเกิด พระจันทร์ขึ้น และถูกเรียกว่าเป็น
พระเชษฐาของ
พระลักษมีด้วย
อ้างอิงแหล่งที่มา
- David R. Kinsley. Hindu Goddesses : visions of the divini feminine in the Hindu religious tradition. (London : University of California Press), 1988, p.20.
- Jouveau-Dubreuil. Iconography of Southern India. (Bharat-Bharati : Delhi), 1978, p.100.
- C.Sivaramamurti. Sri Lakshmi in Indian Art and Thought. (New Delhi : Kanak Publication), 1982 .
- Bhagwant Sahai. Iconography of Minor Hindu and Buddhist deities. (Delhi : Vishal Printers), 1975, p.173.
- www.wikipedia.com เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๔๘